วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556

การออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู





การออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู


โดยที่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นหลักฐานแสดงคุณสมบัติความรู้ ความสามารถการปฏิบัติงาน
และการปฏิบัติตนของผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพครู
  จึงกำหนดให้ออกใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพแก่ ผู้มีคุณสมบัติ
ความรู้ ความสามารถการปฏิบัติงานตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ และการปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณครู โดยมีวัตถุ
ประสงค์ ดังนี้
1.  เพื่อยกระดับมาตรฐานวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง สร้างความเชื่อถือศรัทธา และ    จูงใจ คนดี คนเก่ง เข้าสู่วิชาชีพครูให้มากขึ้น
2.   เพื่อเป็นการประกันคุณภาพการจัดการศึกษา และคุ้มครอง ผู้บริโภค ผู้รับบริการ  ทางการ
ศึกษาให้ได้รับอย่างมีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐาน
3.  เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา  และพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒธรรม ในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ได้อย่างมีความสุข

ผู้ต้องมีใบอนุญาติประกอบวิชาชีพครู

ผู้ประกอบวิชาชีพที่กฎหมายกำหนดให้ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
1.  ผู้ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ได้แก่ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากร
ทางการศึกษา
  ที่จัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในรูปแบบ การศึกษาในระบบการศึกษาและนอกระบบ
โดยจัดการศึกษาในลักษณะสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย และโรงเรียนทั้งนี้ยกเว้นศูนย์
   การเรียน ผู้ทำหน้าที่วิทยากร
พิเศษทางการศึกษา และคณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญา
2.  ผู้ที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ได้แก่
1)      ผู้ที่เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้เรียนเป็นครั้งคราว
2)      ผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการสอน แต่บางครั้งต้องทำหน้าที่สอนด้วย
3)      นักเรียน นักศึกษา หรือผู้เข้ารับการฝึกอบรม ซึ่งทำการฝึกหัด หรืออบรมในความ   
   
ควบคุม ของผู้ประกอบวิชาชีพ
4)      ผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย
5)      ผู้ที่ทำหน้าที่สอนในศูนย์การเรียน หรือสถานที่เรียนที่หน่วยการจัดการศึกษานอก  
  
โรงเรียนบุคคลครอบครัว ชุมชน หรือสถาบันทางสังคมอื่นเป็นผู้จัด
6)      คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาอุดมศึกษา ระดับปริญญา
7)      ผู้บริหารการศึกษา ระดับ หรือเขตพื้นที่การศึกษา

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู

            1.  คุณสมบัติทั่วไป
                        1)    อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
2)      ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
3)      ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
10)  ไม่เคยต้องโทษจำคุกในคดีที่สภาวิชาชีพครูเห็นว่าอาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่ง
 วิชาชีพ
2.  คุณสมบัติด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ  เป็นผู้มีประสบการณ์และปฏิบัติงานตามเกณฑ์
มาตรฐานวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง
3. คุณสมบัติด้านมาตรฐานการปฏิบัติตน  เป็นผู้ประพฤติปฏิบัติงานตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพอย่าง
ต่อเนื่อง
4. คุณสมบัติด้านมาตรฐานการปฏิบัติตน  เป็นผู้ประพฤติปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณครูอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ประพฤติผิดจรรยาบรรณครู

แนวทางการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู มีดังนี้


            1. ครูก่อนประจำการ
                        1) ผู้สำเร็จปริญญาตรีทางการศึกษาจากสถาบันที่องค์กรวิชาชีพครูรับรอง หรือปริญญาตรีทางวิชาการหรือวิชาชีพอื่น และได้ศึกษาวิชาการศึกษาไม่น้อยกว่า 24 หน่วยกิต จะได้รับ ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน”  และได้ทดลองปฏิบัติการสอนเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่องค์กรวิชาชีพครู
กำหนด จะได้รับ
   ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู  
                        2)  ผู้สำเร็จปริญญาตรีทางการศึกษาจากสถาบันในประเทศอยู่ก่อนกฎหมายนี้ใช้บังคับ หรือ
ต่างประเทศที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์กรวิชาชีพครู
  เมื่อได้รับการประเมินความรู้และสมรรถภาพทางวิชาชีพ
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่องค์กรวิชาชีพกำหนด จะได้รับ
  “ ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน 
    
2.  ครูประจำการ
                        ได้แก่ครูที่ปฏิบัติหน้าที่สอนอยู่ในปัจจุบัน ก่อนกฎหมายเกี่ยวกับการออกใบอนุญาต ประกอบ
วิชาชีพครูบังคับ
                        1)  ผู้สำเร็จปริญญาตรีทางการศึกษา หรือปริญญาตรีทางวิชาการ หรือ วิชาชีพอื่นที่ได้รับการบรรจ
ุแต่งตั้ง หรือว่าจ้างให้เป็นครู และมีประสบการณ์ปฏิบัติการสอนมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ให้ได้รับ
    “ ใบอนุญาต
ประกอบวิชาชีพครู 
” 
โดยไม่ต้องประเมิน
2)  ผู้สำเร็จปริญญาตรีทางการศึกษา หรือปริญญาตรีทางวิชาการ หรือวิชาชีพอื่นที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้ง หรือว่าจ้างให้เป็นครู แต่มีประสบการณ์ปฏิบัติการสอนมายังไม่ถึง 2 ปี ให้ได้รับ “ ใบอนุญาตปฏิบัติ
การสอน 
” 
ไปก่อนเมื่อได้ปฏิบัติการสอน ครบ 2 ปี ก็ให้ได้รับ “ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู  โดยไม่ต้องประเมิน
                        3)  ผู้ที่มีคุณวุฒิต่ำหว่าปริญญาตรี ให้ได้รับ  “ ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน  ไปก่อน และเมื่อได้
ศึกษาอบรมได้รับปริญญาตรีทางการศึกษา ภายใน 5 ปี นับแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับหรือ ผ่านการประเมิน
ประสบการณ์และผลงานที่มีคุณค่าเทียบเคียงได้กับคุณวุฒิปริญญาตรีทางการศึกษาตามหลักเกณฑ์และ
      วิธีการที่
องค์กรวิชาชีพครูกำหนด

การกำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพครู


            การกำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพครู เป็นการรักษามาตรฐานการประกอบ
วิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพครู ให้เป็นไปตามมาตรฐานอยู่เสมอ และยกระดับมาตรฐานวิชาชีพให้สูงขึ้นเหมาะสมอยู่
เสมอ โดยมีมาตรการสำคัญ กล่าวคือ

            1.  การพัฒนาครู  โดยกำหนดแนวทาง ดังนี้
                        1)  ให้มีระบบพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพระหว่างประจำกาเพื่อเพิ่มพูนสมรรถนะและความชำนาญการ
ต่อเนื่อง
                        2) ให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเข้ารับการพัฒนาเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ และจรรยา
บรรณวิชาชีพ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด
                        3) หากผู้ใดรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพไม่เข้ารับการพัฒนา ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่
กำหนด หรือผลพัฒนาไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวิชาชีพให้องค์กรวิชาชีพครูพิจารณา
พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

            2.  การพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู  โดยมีแนวทาง ดังนี้
                        2.1 การพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
1)      เป็นผู้ประพฤติผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ กรณีไม่ร้ายแรง
2)      เป็นผู้ปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพที่องค์กรวิชาชีพกำหนด
3)      เป็นผู้ไม่เข้ารับการพัฒนา หรือผลการพัฒนาไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
   ที่องค์กรวิชาชีพกำหนด
2.2 การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
1)      ผู้ขาดคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
2)      เป็นผู้ประพฤติตนผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างร้ายแรงจนมิอาจให้ปฏิบัต
  วิชาชีพได้อีกต่อไป
3)      เป็นผู้ปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพที่องค์กรวิชาชีพครูได้
  กำหนดอย่างต่อเนื่อง
4)      เป็นผู้ไม่เข้ารับการพัฒนา หรือผลการพัฒนาไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการ
  ที่องค์กรวิชาชีพครูกำหนด ซึ่งส่งผลเสียหายต่อการประกอบวิชาชีพครูอย่างร้างแรง

บทบาทของครูตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ

บทบาทของครูตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ



                                ในการประกอบวิชาชีพครู นอกจากจะมีมาตรฐานวิชาชีพครู  เป็นแนวทางการดำเนินงานแล้ว
พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ ได้กำหนดแนวทางจัดการศึกษา เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติงานของผู้มีหน้าที่จัดกระ
บวนการเรียนรู้ไว้ด้วย
  ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพครูจะต้องยึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติ เช่นเดียวกัน ซึ่งมีดังนี้
                                1.  จัดการเรียนการสอน  โดยยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด รวมถึงจะต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตาม
ศักภาพ 
(.22)
                              2.   จัดสาระการเรียนรู้  โดยเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และ
บูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษา กล่าวคือ 
(.23)
                                    1)  ความรู้เกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน
ชาติ สังคมโลก รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของสังคมไทย และระบบการเมือง การปกครอง ใน
ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
                                    2)  ความรู้และทักษะ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งความรู้ ความเข้าใจและ
ประสบการณ์ เรื่องการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและ
          สิ่งแวดล้อม
อย่างสมดุลยั่งยืน
                                    3) ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา  ภูมิปัญญาไทย และการประยุกต์
ใช้ภูมิปัญญา
            4)  ความรู้ และทักษะด้านคณิตศาสตร์ ด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
            5)  ความรู้ และทักษะในการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
3. จัดเนื้อหาสาระ  และกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ และความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึง
ถึงความแ
ตกต่างระหว่างบุคคล (ม.24 (1) )
4.  ฝึกทักษะ  กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้  มา
ใช้เพื่อป้องกันและแก้ปัญหา (ม.24 (2) )
5.  จัดกิจกรรม  ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติ ให้ทำได้ คิดเป็น  ทำ
เป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง (ม.24 (3) )
6.  จัดการเรียนการสอน  โดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวม
ทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา (ม. 24(4) )
7.  จัดบรรยากาศ  สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการ
เรียนรู้ และมีความรอบรู้
  รวมทั้งสามารถใช้การวิจัย เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ทั้งนี้ ผู้สอนและผู้เรียน
อาจเรียนรู้ไปพร้อมกัน จากสื่อการเรียนการสอน และวิทยากรประเภทต่าง ๆ (ม. 24(5) )
8. จัดการเรียนรู้ ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับบิดา มารดา  ผู้ปกครอง  และบุคลากรในชุมชน ทุกฝ่าย  เพื่อร่วมกันพัฒนาการเรียน  ตามศักยภาพ (ม. 24(6) )
9.  จัดการประเมินผู้เรียน  โดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน  ความประพฤติ สังเกตพฤติ
กรรมการเรียน
  การร่วมกิจกรรม  และการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอน ตามความเหมาะสมของ
แต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา (ม.26)
10.  จัดทำสาระ ของหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชน และสังคม ภูมิปัญญา
ท้องถิ่นรวมทั้งคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
โดยสาระของหลักสูตร ทั้งที่เป็นวิชาการและวิชาชีพ ต้องมุ่งพัฒนาคน ให้มีความสมดุล
  ทั้งด้านความรู้ ความคิด
ความสามารถ ความดีงาม และความรับผิดชอบต่อสังคม (ม.27
,28)
11.  ร่วมกับบุคคล  ครอบครัว  ชุมชน  องค์กรชุมชน  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน
องค์กรเอกชน
  องค์กรวิชาชีพ  สถาบันศาสนา  สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น ส่งเสริมความ    เข้มแข็ง
ของชุมชน
 โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ ภายในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีการจัดการศึกษา  อบรม มีการแสวงหาความรู้
ข้อมูล ข่าวสาร และรู้จักเลือกสรรภูมิปัญญาและวิทยากรต่าง ๆ เพื่อพัฒนาชุมชนให้
        สอดคล้องกับสภาพปัญหา
และความต้องการ รวมทั้งหาวิธีการสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การพัฒนา ระหว่างชุมชน (ม.29)
12.  พัฒนากระบวนการเรียนการสอน ที่มีประสิทธิภาพ และดำเนินการวิจัย เพื่อพัฒนาการ
เรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แต่ละระดับการศึกษา (ม.30)
13.  พัฒนาขีดความสามารถ  ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อกาศึกษาของผู้เรียน เพื่อให้มีความรู้
และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยี เพื่อการศึกษาในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
(ม.66)
14. ปฏิบัติงาน และประพฤติปฏิบัติตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ ครู (ม.53)
การดำเนินงานจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ขึ้นกับผู้เรียนและชุมชนตามแนวทางที่กล่าวมาแล้วเป็น
บทบาทของครู ซึ่งถือว่าเป็นบุคลากรหลักในการปฏิรูปการศึกษา สามารถจะดำเนินได้เลยตลอดเวลา
  โดยไม่ต้อง
รอคำสั่งหรือทิศทางจากกระทรวง หรือ หน่วยงานต้นสังกัดแต่อย่างใด เนื่องจากสิ่งที่ปรากฎเป็นแนวทางจัดการ
ศึกษาอยู่ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
  ล้วนเป็นหลักวิชาครู ผู้ประกอบวิชาชีพครู  หรือ ครูมืออาชีพ
ได้ศึกษาเล่าเรียน และฝึกอบรมแล้วทั้งสิ้น ถ้าครูได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูป
         การจัดกระบวนการเรียนรู้
ให้แก่ผู้เรียนเสียแต่บัดนี้ก็จะเป็นการเรียก 
 ความเป็นมืออาชีพ  ของครูกลับคืนมา      คุณภาพและมาตรฐานการ
ประกอบอาชีพของครูก็จะสูงขึ้น ทำให้ครูมีศักดิ์ศรี เป็นที่ยอมรับนับถือและไว้ วางใจจากสาธารณชนโดยทั่วกัน


มาตรฐานวิชาชีพครู

มาตรฐานวิชาชีพครู


                        แนวทางการดำเนินงานที่กล่าวมาแล้วโดยเฉพาะ การควบคุม และรักษามาตรฐานการประกอบวิชาชีพ เป็นเรื่องที่เพิ่มจะกำหนดให้มีการดำเนินงานครั้งแรกในวิชาชีพครู โดยกำหนดให้มีการกำหนดมาตรฐาน
วิชาชีพ ออกและเ
พิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพ

                        มาตรฐาน วิชาชีพครู  เป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับ คุณลักษณะและคุณภาพที่พึงประสงค์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นในการประกอบวิชาชีพครู โดยผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องนำมาตรฐานวิชาชีพเป็นหลักเกณฑ์ในประกอบ
วิชาชีพคุรุสภาซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพครู ตาม พ
..ครู พ.. 2488 ได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพครู ไว้ ด้าน กล่าวคือ
                        1.  มาตรฐาน ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ
                        2.  มาตรฐาน ด้านการปฏิบัติงาน
                        3.  มาตรฐาน ด้านการปฏิบัติตน

                        มาตรฐานด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ กำหนดไว้ ดังนี้
1)      วุฒิปริญญาตรีทางการศึกษาที่สภาวิชาชีพรับรอง หรือ
2)      วุฒิปริญญาตรีทางวิชาการหรือวิชาชีพอื่น และได้ศึกษาวิชาการศึกษาหรือฝึกอบรม วิชาชีพ
   ทาง    การศึกษา มาไม่น้อยกว่า 
24 หน่วยกิต
3)      ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาที่สภาวิชาชีพรับรอง และผ่านการประเมินกาปฏิบัติ
   การสอนตามเกณฑ์ที่สภาวิชาชีพกำหนด

มาตรฐานด้านการปฏิบัติงาน  ได้แก่เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู ที่สภาวิชาชีพ (คุรุสภากำหนด ประกอบด้วย 12 เกณฑ์มาตรฐาน ดังนี้
มาตรฐานที่ 1  ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครูอยู่เสมอ
มาตรฐานที่ 2  ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับผู้เรียน
มาตรฐานที่ 3  มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ
มาตรฐานที่ 4  พัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัติให้เกิดผลจริง
มาตรฐานที่ 5  พัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
มาตรฐานที่ 6  จัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเน้นผลถาวรที่เกิดแก่ผู้เรียน
มาตรฐานที่ 7  รายงานผลการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนได้อย่างมีระบบ
มาตรฐานที่ 8  ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน
มาตรฐานที่ 9    ร่วมมือกับผู้อื่นในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์
มาตรฐานที่ 10  ร่วมมือกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ในชุมชน
มาตรฐานที่ 11  แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา
มาตรฐานที่ 12  สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ได้ทุกสถานการณ์

มาตรฐานด้านการปฏิบัติตน  ได้แก่ตามจรรยาบรรณครู ที่สภาวิชาชีพ (คุรุสภากำหนด ซึ่ง
ปัจจุบันกำหนดไว้ ดังนี้
1)  ครูต้องรักและเมตตาศิษย์  โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือส่งเสริมกำลังใจในการศึกษาเล่าเรียน
แก่ศิษย์โดยเสมอหน้า
2)  ครูต้องอบรมสั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะ และนิสัยที่ครูต้องดีงามให้เกิดแก่ศิษย์
อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
3)  ครูต้องประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ ทั้งกาย วาจา และจิตใจ
4) ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และ
สังคมของศิษย์
5)  ครูต้องไม่แสวงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
และไม่ใช้ศิษย์กระทำการใด ๆ อันเป็นการหาประโยชน์ให้แก่ตนโดยมิชอบ
                        6)  ครูย่อมพัฒนาตนเองทั้งในด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทาง
วิทยาการ  เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ
7)  ครูย่อมรักและศรัทธาในวิชาชีพครู และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพครู
8)  ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลครู และชุมชนในทางสร้างสรรค์
9)  ครูพึงประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์  และพัฒนาภูมิปัญญาและ
วัฒนธรรมไทย

มาตรฐานวิชาชีพครู  จะเป็นหลักเกณฑ์สำคัญในการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะมีสิทธิ   ได้รับ
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือการต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ โดยผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จะ
ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามมาตรฐานวิชาชีพครู ดังกล่าวข้างต้น